
อัศจรรย์แห่งท่าเรือซิดนีย์ ดินแดนทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียที่อุดมด้วยความหลากหลายในพื้นที่ กล้างใหญ่ไพศาล ลิ้มรสไวน์ระดับเวิลด์คลาส สวนพฤกษศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ เร้าใจบนเกลียวคลื่น และดื่มด่ำค่ำคืนสุดฮิปของซิดนีย์ อัศจรรย์แห่งท่าเรือ ซิดนีย์ ยามสนธยาค่อยๆ คืบคลานสู่ท่าเรือซิดนีย์ (Sydney Harbour) อย่างช้าๆ ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงสู่ขอบฟ้า สะท้อนแสงสีชมพูเรื่อเรืองจับโค้งแนวกระเบื้องสีขาวของโรงละครโอเปร่าเฮาส์ ซึ่งโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สะพานท่าเรือซิดนีย์ (Sydney Harbour Bridge) ที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “โคแฮงเกอร์” (The Coathanger) ด้วยรูปร่างของโครงเหล็กที่โค้งสูง ทอดยาวไปถึงชายฝั่งทางทิศเหนือของเมือง แสงไฟวูบวาบจากสะพานทำให้เห็นไฟนีออนกะพริบเป็นรูปซิกแซ็กสลับกับแสงสว่างเป็นแนวโค้งพาดท้องฟ้า ผสานกับแสงไฟจากฝั่งตรงข้ามกลายเป็นแสงสีน้ำเงิน ชมพู และเหลืองเต้นระบำอยู่บนท้องฟ้าเหนือท่าเรือ ท่าเรือซิดนีย์ในยามค่ำเป็นที่ที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังซึ่งเพื่อนฝูงหลายกลุ่มมักใช้ที่นี่นัดพบปะพูดคุย กินอาหารตามร้านที่เรียงรายตามชายฝั่ง คู่รักพากันมาเดินเล่น ทั้งยังมีแขกที่ไม่ธรรมดาเช่นค้างคาวหลายสิบตัวที่คอยแวะเวียนมากินฝูงผีเสื้อกลางคืน รวมถึงแมลงอื่นๆ ที่บินมาหาแสงไฟจากท่าเรือ ภาพเบื้องหน้าดูเป็นฉากที่พร่างพราว ก่อนหน้านี้คนมาเที่ยวดจะมีทางเลือกไม่มากนัก ว่าหลังจากดินเนอร์ริมฝั่งเสร็จแล้วจะต่อกันที่ไหนดี นั่นเป็นเพราะกฏหมายอันเคร่งครัด อนุญาตให้เฉพาะผับและร้านอาหารพื้นเมืองขนาดใหญ่เท่านั้นที่ขายเครื่องดื่มแอลกฮอลล์ได้ “ถ้าคุณอยากไปเที่ยวกลางคืน ทางเลือกจะมีจำกัดมาก” Martin O’Sullivan ชาวซิดนีย์โดยกำเนิดพูดให้เราฟังชาวซิดนีย์โดยกำเนิดพูดให้เราฟัง “ที่นี่จะมีคลับหรือผับซึ่งคุณสามารถนั่งดูรักบี้ทางทีวีได้ สำหรับเครื่องดื่ม คุณสามารถสั่งได้แค่เบียร์ ไวน์ขาวซาร์ดอนเนย์ หรือไม่ก็จินโทนิกเท่านั้น” Martin ดึงเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งมานั่งคุยในบาร์ที่อบอวลด้วยบรรยากาศกันเอง ชื่อเดอะกราสฮอปเปอร์ (The Grasshopper) ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในถนน Temperance Lane และสามารถเดินไปถึงโอเปร่าเฮาส์ภายในไม่กี่นาที บาร์เล็กๆ ที่เสิร์ฟทั้งค๊อกเทลและไวน์แห่งนี้เป็นของเขาเอง และเป็นบาร์แห่งแรกที่เปิดบริการในซิดนีย์ หลังจากมีการแก้ไขกฏหมายควบคุมในปี 2007 จากนั้นเรื่อยมาบาร์เล็กๆ สำหรับให้ลูกค้ามานั่งคุยกันสบายๆ ก็ผุดขึ้นราวดอกเห็ดตามตรอกซอยแคบๆ ในเมือง มีทั้งแอบแชงท์ชาลอน (Absinthe Salon) ซึ่งเป็นบาร์ในสไตล์เบลล์ อาพ็อกที่จะเสิร์ฟแอลกฮอลล์สีเขียวท่ามกลางบรรยากาศแวดล้อมแบบโบราณเก่าแก่ ไวลด์เวสต์ (Wild West) บาร์วิสกี้นอกถนนสายออกซ์ฟอร์ด เลิฟ ทิลลี ดีไวน์ (Love, Tilly Devine) ซึ่งก่ออิฐเปลือยเพดานต่ำเหมือนที่หลบภัย เพื่อระลึกถึงมาดาม Tilly เจ้าของสถานเริงรมย์อันเป็นตำนานผู้ทำธุรกิจบนถนนสายนี้ในช่วงทศวรรษที่ 1930 ที่กราสฮอปเปอร์ ลูกค้าจะมานั่งคุยกันพร้อมด้วยค็อกเทลสีสดใสเสิร์ฟในโถแยม ซึ่งจัดวางมาในจานพร้อมนกกระทากับบีตตูตและมาร์จอแรม “มีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมหลากหลายอย่างในเมืองนี้” Martin พูดพลางเผยยิ้มกล้าง “ผมไม่อยากนั่งอยู่ในผับโทรมๆ กระดกเบียร์แก้วโตแล้วก็หมด ใครๆก็สามารถมาที่นี่และสั่งค๊อกเทลได้อย่างสบายใจโดยไม่รู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด ซึ่งมันเป็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เมื่อก่อนเรามักหาเครื่องดื่มหลากหลายชนิดได้ตามร้านอาหารในเมือง แต่เดี่ยวนี้ใครชอบเครื่องดื่มอะไรตามไลฟ์สไตล์ส่วนตัวก็หาได้ตามบาร์เช่นกัน มันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ” |